ขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร มาดูแนวทางการรักษาภาวะขาโก่งผิดรูป

ขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร มาดูแนวทางการรักษาภาวะขาโก่งผิดรูป
Key Takeaway

  • ขาโก่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลต่อบุคลิกภาพและสุขภาพในระยะยาว
  • สาเหตุของขาโก่งมีหลายประการ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม น้ำหนักตัวมากเกินไป พันธุกรรม และการบาดเจ็บ ฯลฯ
  • การรักษาขาโก่งมีทั้งวิธีการรักษาด้วยตนเองและการรักษาทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
  • วิธีแก้ขาโก่งด้วยตัวเอง มีทั้งการบริหารกล้ามเนื้อขา การยืดกล้ามเนื้อ และการใช้อุปกรณ์พยุง
  • การรักษาทางการแพทย์อาจรวมถึงการผ่าตัดปรับแนวกระดูก การเปลี่ยนข้อเทียม หรือการผ่าตัดดัดกระดูก
  • ผู้ที่มีอาการขาโก่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • การป้องกันและรักษาขาโก่งต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างแพทย์ ผู้ป่วย และครอบครัว ในการปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
  • kdms Hospital พร้อมให้บริการตรวจประเมิน ให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาภาวะขาโก่งแบบครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย บริการของเรามีตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือที่แม่นยำ การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ภาวะขาโก่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถดูแลตนเองหรือคนที่คุณรักได้อย่างเหมาะสม

ขาโก่ง มีลักษณะอย่างไร

ขาโก่ง (Bowlegs) หรือที่เรียกในทางการแพทย์ว่า “Genu Varum” คือภาวะที่ขาทั้งสองข้างโค้งออกด้านนอก ทำให้เมื่อยืนตรง ขาจะไม่ชิดกัน มีช่องว่างระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง ในขณะที่ข้อเท้าชิดกัน ลักษณะนี้ทำให้เกิดรูปตัว O เมื่อมองจากด้านหน้า ซึ่งส่งผลต่อการทรงตัวและการเดิน

ภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร

ภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร

ขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้

  1. โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis): โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นสาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนในข้อเข่า ทำให้ข้อเข่าผิดรูป
  2. การขาดวิตามินดี: นำไปสู่ภาวะกระดูกอ่อน (Osteomalacia) ทำให้กระดูกอ่อนแอและโค้งงอได้ง่าย
  3. โรคพาเจต (Paget’s disease): เป็นโรคที่ทำให้กระดูกเติบโตผิดปกติ ส่งผลให้กระดูกขาโค้งงอ
  4. การบาดเจ็บหรือกระดูกหักที่รักษาไม่ถูกต้อง: อาจทำให้กระดูกติดในตำแหน่งที่ผิดปกติ นำไปสู่ภาวะขาโก่ง
  5. ขาโก่งตั้งแต่วัยเด็กที่ไม่ได้รับการรักษา: อาจพัฒนาเป็นขาโก่งรุนแรงในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ

นัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษา และวินิจฉัยอาการได้ที่ 02-080-8999
Line @kdmshospital

https://lin.ee/PkZ8mk9

สาเหตุของการเกิดภาวะขาโก่งของคนทั่วไป 

นอกจากผู้สูงอายุแล้ว คนทั่วไปหรือคนวัยอื่นๆ ก็มีความเสี่ยงเกิดภาวะขาโก่งได้ด้วยเช่นกัน โดยมีปัจจัยเสี่ยงดังนี้

  • พันธุกรรม: บางคนมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดขาโก่งได้ง่าย
  • โรคบลาวต์ (Blount’s disease): พบได้ในเด็ก ทำให้กระดูกหน้าแข้งเติบโตผิดปกติ
  • การขาดสารอาหาร: โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดี ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาของกระดูก
  • น้ำหนักตัวมากเกินไป: ทำให้เกิดแรงกดทับที่ข้อเข่ามากขึ้น ส่งผลให้ขาโก่งได้
  • การใช้งานข้อเข่าผิดวิธี อย่างต่อเนื่องยาวนาน: เช่น การยกของหนักบ่อยๆ หรือการเล่นกีฬาที่กระแทกข้อเข่ามาก

ขาโก่ง ทำให้ปวดเมื่อยไหม

 ขาโก่ง ทำให้ปวดเมื่อยไหม

ผู้ที่มีภาวะขาโก่ง มักประสบกับอาการปวดเมื่อยได้โดยเฉพาะบริเวณเข่าและข้อเท้า เนื่องจากการกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุล ทำให้เกิดแรงกดทับมากเกินไปในบางตำแหน่งของร่างกาย นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ เพราะร่างกายต้องปรับสมดุลเพื่อชดเชยการทรงตัวที่ผิดปกติ และอาการปวดเมื่อยนี้ มักพบได้บ่อยขึ้นในผู้สูงอายุ อาการที่พบได้บ่อย ดังนี้

  • ปวดเข่า: โดยเฉพาะเวลาเดิน หรือยืนเป็นเวลานาน
  • ปวดสะโพก: เนื่องจากการรับน้ำหนักที่ไม่สมดุล
  • ปวดหลังส่วนล่าง: เกิดจากการปรับท่าทางเพื่อรักษาสมดุล
  • เมื่อยล้าง่าย: เพราะกล้ามเนื้อต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาสมดุล
  • ข้อเข่าฝืด: โดยเฉพาะหลังจากนั่งเป็นเวลานานแล้วลุกขึ้นยืน

อย่างไรก็ตาม อาการปวดเมื่อยเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นตามเวลา และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ขาโก่ง สามารถกลับมาตรงเองได้หรือไม่

ในผู้สูงอายุ ภาวะขาโก่งมักไม่สามารถกลับมาตรงเองได้ เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกและข้อต่อ ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณา ดังนี้

  1. การเสื่อมสภาพตามวัย: ในผู้สูงอายุ การเสื่อมของกระดูกอ่อนในข้อเข่า และการสูญเสียมวลกระดูกเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถย้อนกลับได้โดยธรรมชาติ
  2. ความรุนแรงของภาวะ: ขาโก่งที่มีความรุนแรงน้อยอาจไม่แย่ลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถกลับมาตรงเองได้
  3. สาเหตุที่แก้ไขได้: ในบางกรณี เช่น การขาดวิตามินดี หากได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที อาจช่วยชะลอหรือป้องกันไม่ให้ขาโก่งแย่ลง แต่ไม่สามารถทำให้ขากลับมาตรงเองได้
  4. ผลของการรักษา: แม้ว่าขาจะไม่สามารถกลับมาตรงเองได้ แต่การรักษาที่เหมาะสม เช่น การทำกายภาพบำบัด หรือการใช้อุปกรณ์พยุง อาจช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินของโรคได้
  5. การผ่าตัด: ในกรณีที่มีความจำเป็น การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกเพื่อแก้ไขความผิดปกติของกระดูก แต่ไม่ใช่การกลับมาตรงเองตามธรรมชาติ
  6. การป้องกัน: แม้ว่าขาโก่งที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถกลับมาตรงเองได้ แต่การป้องกันตั้งแต่วัยหนุ่มสาวอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ได้

ด้วยเหตุนี้ การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การรักษาน้ำหนักให้เหมาะสม และการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะจึงเป็นสิ่งสำคัญในการชะลอการเกิดภาวะขาโก่งในผู้สูงอายุ แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้ขากลับมาตรงเองได้ก็ตาม

วิธีการรักษาภาวะขาโก่ง

วิธีการรักษาภาวะขาโก่ง

การรักษาภาวะขาโก่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักๆ คือ การรักษาด้วยตนเองและการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

การรักษาขาโก่งด้วยตนเอง

จริงๆ แล้วเราไม่สามารถแก้ไขความโก่งของขาที่เกิดขึ้นแล้วได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะความโก่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกระดูกและข้อต่อ อย่างที่พบในโรคข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง-รุนแรง แต่คนไข้สามารถดูแลรักษาตนเองเพื่อลดอาการปวด หรือปัญหาที่เกิดจากขาโก่งให้ลดน้อยลงได้ ซึ่งวิธีแก้ขาโก่งด้วยตัวเองสามารถทำได้ ดังนี้

การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา

  • การเดินบนสายพาน: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาโดยไม่กระทบข้อเข่ามากเกินไป
  • การว่ายน้ำ: เป็นการออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
  • การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps): ช่วยพยุงข้อเข่าให้มั่นคงขึ้น
  • การยืดกล้ามเนื้อน่องและต้นขาด้านหลัง: ช่วยลดแรงดึงที่ส่งผลต่อการโก่งของขา

ใช้อุปกรณ์พยุงเข่า

  • เข็มขัดพยุงเข่า: ช่วยกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับบนข้อเข่า
  • แผ่นรองรองเท้า: ช่วยปรับสมดุลของการยืนและเดิน

ควบคุมน้ำหนักตัว

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณแคลอรี
  • ลดอาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาล
  • เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้

การประคบร้อนหรือเย็น

  • ประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบหลังการออกกำลังกาย หรือเมื่อมีอาการปวด
  • ประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อก่อนการยืดเหยียด หรือออกกำลังกาย

การปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน

  • หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินเป็นเวลานาน
  • ใช้ไม้เท้าหรือวอล์กเกอร์เพื่อช่วยในการทรงตัวและลดแรงกดทับบนข้อเข่า
  • เลือกรองเท้าที่มีการรองรับอุ้งเท้าที่ดีและมีพื้นนุ่ม

การฝึกการทรงตัว

  • ยืนขาเดียว (โดยมีที่พยุง)
  • การเดินต่อเท้า
  • การใช้บอลบริหาร (Stability ball) เพื่อฝึกการทรงตัว

การรักษาขาโก่งด้วยการแพทย์

สำหรับผู้ที่มีภาวะขาโก่งรุนแรง หรือไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ การรักษาทางการแพทย์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยมีวิธีการดังนี้

  • การใช้ยาแก้ปวดลดอักเสบ การฉีดยาเข้าข้อเข่า หรือการทำกายภาพบำบัด: สามารถช่วยลดอาการปวด ตึง ล้าที่เกิดจากเข่าโก่งให้ลดลงได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขความโก่งให้กลับคืนมาปกติได้
  • การผ่าตัดตัดกระดูกเพื่อปรับแนว (Osteotomy): เป็นการตัดกระดูกบางส่วนเพื่อปรับแนวของขาให้ตรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะขาโก่งไม่มาก และยังมีข้อเข่าที่แข็งแรง
  • การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม: เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมร่วมด้วย การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคนไข้ข้อเข่าเสื่อมที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากสามารถแก้ไข ปัญหาขาโก่งและแก้ไขอาการปวดจากข้อเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ขาโก่งแบบไหนควรพบแพทย์

การสังเกตอาการขาโก่งในตนเอง หรือคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือวัยอื่นๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินว่าถึงเวลาที่ควรเข้ารับการรักษาหรือไม่ โดยลักษณะของขาโก่งที่ควรพบแพทย์ มีดังนี้

  • เมื่อยืนชิดขา แล้วระยะห่างระหว่างข้อเท้ามากกว่า 8 เซนติเมตร
  • มีอาการปวดเข่า หรือข้อเท้าเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อเดิน หรือยืนเป็นเวลานาน
  • สังเกตเห็นว่าขาโก่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาไม่นาน
  • มีปัญหาในการเดินหรือวิ่ง เช่น เดินสะดุดบ่อย หรือรู้สึกไม่มั่นคง เป็นต้น
  • พบความผิดปกติของรูปร่างขาในเด็กอายุมากกว่า 7 ปี

แม้ว่าภาวะขาโก่งอาจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน แต่มีหลายกรณีที่ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยลักษณะของขาโก่งที่ควรพบแพทย์ มีดังนี้:

  1. ขาโก่งที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือแย่ลงอย่างรวดเร็ว: อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น การติดเชื้อในกระดูก หรือเนื้องอก
  2. มีอาการปวดรุนแรงร่วมด้วย: โดยเฉพาะอาการปวดที่รบกวนการนอนหลับหรือทำกิจวัตรประจำวัน
  3. มีอาการบวม แดง ร้อน บริเวณขาหรือเข่า: อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบหรือการติดเชื้อ
  4. มีปัญหาในการเดินหรือทรงตัว: เสี่ยงต่อการหกล้มและเกิดการบาดเจ็บ
  5. ขาโก่งที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: เช่น ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยทำได้ หรือรู้สึกอายจนไม่อยากออกสังคม
  6. มีประวัติการบาดเจ็บที่ขาหรือเข่า: แม้จะเป็นการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่อาจส่งผลต่อการเกิดหรือทำให้ขาโก่งแย่ลง
  7. ขาโก่งที่เป็นมานานแต่ไม่เคยได้รับการตรวจประเมิน: ควรได้รับการตรวจเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  8. มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะขาโก่งของตนเอง: แม้จะไม่มีอาการรุนแรง แต่หากมีความกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความสบายใจ

การพบแพทย์แต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจช่วยชะลอการดำเนินของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีก็เป็นโอกาสที่ดีในการประเมินสุขภาพของกระดูกและข้อ รวมถึงการตรวจคัดกรองภาวะขาโก่งในระยะเริ่มต้น

นัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษา และวินิจฉัยอาการได้ที่ 02-080-8999
Line @kdmshospital

https://lin.ee/PkZ8mk9

การมาตรวจประเมินและรับคำแนะนำ เพื่อรักษาภาวะขาโก่งที่โรงพยาบาลเฉพาะทางกระดูกและข้อ kdms Hospital มีข้อดีอย่างไร

ที่โรงพยาบาล kdms Hospital พร้อมให้บริการรักษาภาวะขาโก่งแบบครบวงจร

  1. มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
  2. บริการของเรามีตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือที่แม่นยำ
  3. การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
  4. การผ่าตัดโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
  5. การให้บริการกายภาพบำบัดหลังการรักษาเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างรวดเร็ว
  6. นอกจากนี้ เรายังมีบริการให้คำปรึกษาและติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดตลอดกระบวนการรักษา

สรุป

ขาโก่งในผู้สูงอายุเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการดูแลรักษาที่เหมาะสม ผู้สูงอายุสามารถบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้ สาเหตุหลักของขาโก่งในผู้สูงอายุมักเกิดจากโรคข้อเข่าเสื่อม การขาดวิตามินดี หรือโรคกระดูกบางชนิด ซึ่งล้วนส่งผลต่อโครงสร้างของกระดูกและข้อต่อ

การรักษาภาวะขาโก่งมีทั้งวิธีการรักษาด้วยตนเองและการรักษาทางการแพทย์ วิธีการรักษาด้วยตนเอง เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม การควบคุมน้ำหนัก และการใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง สามารถช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินของโรคได้ ในขณะที่การรักษาทางการแพทย์ ตั้งแต่การทำกายภาพบำบัด การใช้ยา ไปจนถึงการผ่าตัด จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอนุรักษนิยม การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงพยาบาล kdms ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัย สามารถให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

สิ่งสำคัญที่สุดคือการตระหนักถึงปัญหาและพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการพบแพทย์ตามนัด จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถจัดการกับภาวะขาโก่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

บทความโดย นพ.ณพล สินธุวนิช ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านการผ่าตัดข้อเข่าและข้อสะโพกเทียม

จันทร์, 16 ก.ย. 2024
แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

แพ็กเกจและโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง
  อาการปวดที่รบกวนชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพกระดูกและข้อที่ต้องได้รับการดูแล อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่  ...
package เริ่มต้นที่ 1200* บาท
package สิ้นสุด 31/10/2024
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมชนิดเต็มข้อ 1 ข้าง โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด MAKO โดยทีมศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดข้อเข่าเเละข้อสะโพกเทียม  ...
package 330,000* บาท
package สิ้นสุด 31/12/2024
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด MAKO เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด โดยทีมศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดข้อเข่าเเละข้อสะโพกเทียม...
package 379,500* บาท
package สิ้นสุด 31/12/2024
บทความอื่นๆ
ขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร มาดูแนวทางการรักษาภาวะขาโก่งผิดรูป
ขาโก่งในผู้สูงอายุ เกิดจากอะไร มาดูแนวทางการรักษาภาวะขาโก่งผิดรูป
โรคข้อเข่าเสื่อม ภัยเงียบใกล้ตัวที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต มาหาคำตอบว่าโรคข้อเข่าเสื่อมมีวิธีการรักษาอย่างไรได้บ้าง จำเป็นต้องผ่าตัดไหม? และทำไมต้องรักษากับแพทย์เฉพาะทาง
โรคข้อเข่าเสื่อม มีวิธีรักษาอย่างไร ทำไมต้องรักษากับแพทย์เฉพาะทาง
ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ เลือกอย่างไร ให้เหมาะสมกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม
ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ เลือกอย่างไร ให้เหมาะสมกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม
ผ่าตัดข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) แก้ปัญหาข้อเข่าได้ดี พักฟื้นหายไว
ผ่าตัดข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA) แก้ปัญหาข้อเข่าได้ดี พักฟื้นหายไว
top line