เอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s Tenosynovitis) หายได้ ถ้าดูแลรักษาให้ถูกวิธี
สาเหตุของอาการเอ็นข้อมืออักเสบ เกิดได้จากสองสาเหตุ คือ การใช้งานข้อมือลักษณะซ้ำๆ บ่อยๆ และภาวะที่เกิดจากอุบัติเหตุแม้เพียงเบาๆ เช่น การใช้งานมือผิดท่า
- โรคในกลุ่มเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บข้อมือ
- อาการเจ็บข้อมือที่มีอาการเจ็บใกล้เคียงอื่นๆ ได้แก่ โรคข้อโคนนิ้วโป้งเสื่อมและอักเสบ และโรคเอ็นอักเสบอื่นๆในข้อมือ
- การรักษาโรคเอ็นและและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เริ่มจากการพักการใช้งานมือ การฉีดยา สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ
- กรณีที่ต้องผ่าตัด จะเป็นการคลายปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณที่มีการเสียดสีกันออก จะทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น หลังผ่าตัดไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพราะเป็นผ่าตัดเล็ก แผลมีขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร
- รักษาเอ็นข้อมืออักเสบที่ kdms Hospital ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจและปรึกษากับศัลยแพทย์ชำนาญการด้านมือและข้อมือ เพื่อทำการรักษาอย่างตรงจุด และกลับไปใช้ชีวิตได้ดีโดยเร็ว
ถ้าคุณมีอาการเจ็บที่บริเวณข้อมือเวลาทำกิจกรรมแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน นี่อาจเป็นอาการของ ‘เอ็นข้อมืออักเสบ’ ซึ่งเป็นสาเหตุการเจ็บข้อมือที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งเอ็นข้อมือที่อักเสบนี้เกิดได้จากสองสาเหตุ คือ การใช้งานข้อมือลักษณะซ้ำๆ บ่อยๆ และภาวะที่เกิดจากอุบัติเหตุแม้เพียงเบาๆ หรือบางคนอาจเรียกว่า”ผิดท่า” อย่างไรก็ตามการเจ็บบริเวณนี้ก็ยังมีอีกหลายสาเหตุที่การวินิจฉัยและการรักษามีวิธีที่ต่างกันออกไป
การพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเรื่องเล็กๆ บริเวณข้อมือนั้นมีรายละเอียดมากมายอย่างที่เราคิดไม่ถึง แต่ในเบื้องต้นจะขอพูดถึงสาเหตุของอาการเจ็บข้อมือที่เราพบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ เอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
อ่านเพิ่มเติม: ปวดข้อมือมานานไม่หายสักที นี่คืออาการที่ไม่ควรมองข้าม
Table of Contents
Toggleทำความรู้จักเส้นเอ็นข้อมือคืออะไร
ข้อมือเป็นส่วนข้อต่อของร่างกายที่ใช้งานบ่อยที่สุด สามารถเคลื่อนไหวได้ในหลายทิศทาง การที่ข้อมือทำเช่นนี้ได้จำเป็นต้องอาศัยเอ็นรอบๆ ข้อมือ ทั้งช่วยยึดและช่วยดึงให้เคลื่อนไหวในแนวต่างๆ ทำให้เอ็นเหล่านี้เกิดการอักเสบ การบาดเจ็บได้ง่าย
นอกจากนั้นเอ็นข้อมือยังมีส่วนที่เกิดมาคู่กัน คือ ปลอกหุ้มเอ็น ที่รั้งเอ็นให้อยู่แนบข้อมือไว้ แม้จะช่วยกันทำงาน แต่หากเราใช้งานข้อมือมากๆ ทั้งเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นจะอักเสบบวม ทำให้เกิดอาการเจ็บข้อมือได้ เส้นไหนจะอักเสบอยู่ที่ลักษณะการใช้งานว่าเรามีการใช้งานตำแหน่งไหนมาก ที่พบได้บ่อยที่สุดคือการอักเสบของเอ็นที่บริเวณสันข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือที่เรียกกันว่า De Quervain’s Tenosynovitis
เอ็นข้อมืออักเสบ De Quervain’s Tenosynovitis อาการเป็นอย่างไร
de quervain’s tenosynovitis คือ โรคในกลุ่มเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมือและเอ็นนิ้วหัวแม่มืออักเสบที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บข้อมือ (ภาษาไทยจะเรียก de quervain ว่า เดอกาแวง)
หากลองสำรวจตัวเอง ลองคลำดูจะพบว่าจุดนี้อยู่ที่ปุ่มนูนบนสันข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งเป็นที่อยู่ของเอ็นที่ช่วยในการขยับเหยียดนิ้วหัวแม่มือ การขยับนิ้วหัวแม่มือในบางทิศทางจะทำให้เกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นมาทันที นอกจากนี้จะมีอาการบวมในบริเวณนี้ร่วมด้วยได้ หากเป็นมาสักระยะหนึ่งจะมีการหนาตัวของปลอกหุ้มเส้นเอ็นขึ้นมา สามารถคลำเจอลักษณะก้อนนูนขึ้นมาได้
โรคอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกับโรคเอ็นข้อมืออักเสบ
ด้วยความที่ข้อมือเป็นส่วนที่เล็ก เต็มไปด้วยส่วนประกอบที่สำคัญมากมาย ทำให้คนไข้ทีมีอาการเจ็บในบริเวณนี้ อาการเจ็บที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากสาเหตุอื่นบริเวณใกล้เคียงกันได้ จากปัจจัยเสี่ยงเดียวกัน จึงจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยสาเหตุอย่างละเอียด
อาการเจ็บข้อมือที่มีอาการเจ็บใกล้เคียงอื่นๆ ได้แก่
โรคข้อโคนนิ้วโป้งเสื่อมและอักเสบ
- พบได้บ่อยในคนที่มีการใช้มือทำงานเยอะๆ
- กิจกรรมที่ทำให้เกิดการเสื่อมและอักเสบ คือ งานที่ใช้แรงบีบ แรงกดของนิ้วหัวแม่มือมากๆ เช่น การใช้กรรไกร การเปิดขวด การบิดผ้า เป็นต้น
- มีอาการเจ็บบริเวณข้อโคนนิ้วโป้ง เนื่องจากการใช้มือที่มีการหนีบ หยิบจับ สะสมจนทำให้ข้อโคนนิ้วโป้งเสื่อม
- เป็นโรคที่อาการเจ็บอยู่ใกล้กับโรคเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ อาจทำให้เข้าใจผิดและวินิจฉัยไม่ถูกต้องได้
- จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์และความแม่นยำของแพทย์เฉพาะทางในการแยกโรค
โรคเอ็นอักเสบอื่นๆ ในข้อมือ
- เป็นการอักเสบหรือบาดเจ็บของเอ็นเส้นอื่นๆในบริเวณใกล้เคียงกัน
- มีโอกาสที่จะเป็นร่วมกับโรคเอ็นข้อมืออักเสบ และปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ
- จำเป็นต้องวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทางด้านมือ
การลุกลามจากเอ็นข้อมืออักเสบสู่อาการบาดเจ็บอื่นๆ
โรคเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ ไม่สามารถลุกลามไปเป็นโรคอื่นๆ ได้ แต่อาจเชื่อมโยงกับอาการบาดเจ็บหรือการอักเสบที่ตำแหน่งอื่นๆ ของมือ เนื่องจากสาเหตุของการอักเสบนั้น เกิดจากการใช้มือและข้อมือทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันซ้ำๆ ทำให้มีโอกาสที่เส้นเอ็นหลายเส้นจะเกิดการอักเสบร่วมกันได้
นอกจากนี้ ยังพบได้บ่อยว่าเอ็นข้อมืออาจมีการอักเสบควบคู่ไปกับเอ็นของนิ้วทำให้เกิดนิ้วล็อก หรือเอ็นอักเสบบวมจนเบียดเส้นประสาททำให้มีอาการทั้งปวดและชามือร่วมด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติม:
สาเหตุของเอ็นข้อมืออักเสบคืออะไร
เอ็นข้อมืออักเสบ De Quervain’s Tenosynovitis มักเกิดจากการใช้งานข้อมือและนิ้วโป้งซ้ำๆ จนเส้นเอ็นบริเวณนั้นเกิดการเสียดสี อักเสบ และบวมขึ้น โดยสาเหตุหลักๆ มีดังต่อไปนี้
ใช้ข้อมือเป็นเวลานาน
สำหรับการใช้ข้อมือเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น การใช้โทรศัพท์ พิมพ์คอมพิวเตอร์ ทำงานบ้าน หรือยกของหนักบ่อยๆ
คุณแม่หลังคลอดหรือผู้ที่ต้องอุ้มลูกบ่อยครั้ง
การอุ้มลูกในท่าซ้ำๆ หรือใช้ข้อมือประคองน้ำหนักเด็กบ่อย ทำให้เอ็นข้อมือฝั่งนิ้วโป้งรับแรงมากอาจทำเกิดการอักเสบได้
งานที่บิดข้อมือบ่อย
ในส่วนของงานที่อาจใช้ข้อมือบ่อย หรือมีการบิดข้อมือบ่อย เช่น ปอกผลไม้ เปิดฝาขวด หรือยกของที่ต้องกางนิ้วหัวแม่มือซ้ำๆ
ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือมาก่อน
หากมีการบาดเจ็บที่ข้อมือมาก่อน เช่น หกล้มแล้วข้อมือกระแทก หรือเคยมีการอักเสบบริเวณข้อมือ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดเอ็นอักเสบได้
ใครคือกลุ่มเสี่ยงของโรคเอ็นข้อมืออักเสบ
สำหรับโรคเอ็นข้อมืออักเสบ แบ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงออกได้ดังนี้
1.ผู้หญิงวัยทำงานและวัยกลางคน (30–50 ปี)
ผู้หญิงช่วงอายุประมาณ 30-50 ปี จะพบได้บ่อยกว่าผู้ชายหลายเท่า เพราะมักต้องทำงานบ้าน ยกของ พิมพ์คีย์บอร์ด คลิกเมาส์ จับโทรศัพท์ เลื่อนหน้าจอตลอดวัน ทำให้ข้อมือและนิ้วโป้งทำงานหนักโดยไม่รู้ตัว
2.ผู้หญิงตั้งครรภ์และคุณแม่มือใหม่
ผู้หญิงตั้งครรภ์มักจะเจอกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงคุณแม่มือใหม่เพราะการอุ้มลูกในท่าเดิมซ้ำๆ เช่น ใช้มืออุ้มบริเวณรักแร้ทารก ทำให้ข้อมือฝั่งนิ้วโป้งรับแรงกดซ้ำจนเกิดการอักเสบ
3.กลุ่มผู้สูงอายุ
ในกลุ่มของผู้สูงอายุโครงสร้างเอ็นและข้อต่อจะเริ่มเสื่อม ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย แม้ไม่ได้ใช้งานมือหนักเหมือนคนวัยทำงานก็ตาม
4.อาชีพที่ต้องออกแรงข้อมือบ่อย
ในส่วนของอาชีพที่ต้องออกแรงข้อมือบ่อย เช่น พ่อครัว แม่บ้าน ช่างทำผม ครูสอนดนตรี นักกีฬากอล์ฟ เทนนิส หรือช่างไม้ เป็นอาชีพที่ต้องจับ ดึง หรือบิดข้อมืออยู่ตลอดเวลา
5.ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับข้อหรือเส้นเอ็น
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคเบาหวาน ซึ่งทำให้เอ็นอ่อนแอและอักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
โรคเอ็นข้อมืออักเสบ เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์
หากภายใน 1-2 สัปดาห์ยังมีอาการปวดข้อมือมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนอาจมีอาการปวดจนนอนไม่หลับ มีอาการบวม บริเวณข้อมือด้านนิ้วโป้ง รู้สึกว่าข้อมือไม่มีแรง กำของแล้วจะหลุดมือ ควรจะไปพบแพทย์
การวินิจฉัย เอ็นข้อมืออักเสบ
การวินิจฉัยอาการเอ็นข้อมืออักเสบ แบ่งออกได้ดังนี้
1.ซักประวัติอาการและการใช้งานมือในชีวิตประจำวัน
แพทย์จะถามถึงลักษณะอาการปวด ตำแหน่งที่เจ็บ ระยะเวลาที่เริ่มปวด รวมถึงงานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้มือซ้ำๆ
2.ตรวจเฉพาะจุด
แพทย์จะตรวจคลำจุดกดเจ็บที่ตำแหน่งของเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ และตรวจตำแหน่งเอ็นและข้อใกล้เคียงเพื่อแยกโรคอื่นๆ
การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ
การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ จะแบ่งออกเป็นระยะขึ้นอยู่กับอาการของโรค เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงหรือพักการใช้งานมือ โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่มือ ร่วมกับการกินยาลดการอักเสบ อาจพิจารณาใช้การรักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือกายภาพบำบัดควบคู่กันไป หากอาการยังไม่ดีขึ้นจะพิจารณาการรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ และสุดท้ายในรายที่ได้รับการรักษาข้างต้นแล้วแต่อาการเจ็บปวดยังไม่ดีขึ้นและรบกวนชีวิตประจำวัน ก็สามารถรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบแบบไม่ผ่าตัด
1.การรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเอง
- พักการใช้งาน คือคำแนะนำข้อแรกที่สำคัญที่สุด
- แช่น้ำอุ่น วันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที หลังจากแช่น้ำอุ่นควรทำกายภาพบำบัด
2.รักษาด้วยเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด
- จะเป็นคลื่นไฟฟ้า คลื่นเสียงและความร้อน เพื่อลดการอักเสบ การบวม ทำให้เอ็นเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น
3.รับประทานยาแก้อักเสบ
- การรักษาด้วยการรับประทานยาแก้อักเสบ เพื่อบรรเทาอาการปวด และลดการบวมอักเสบของเส้นเอ็น
4.การฉีดยาสเตียรอยด์
สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นยาที่ใช้ฉีดเพื่อลดการอักเสบเฉพาะที่ ซึ่งจะออกฤทธิ์ลดการอักเสบ บวม ปวดบริเวณที่ฉีด ไม่ได้มีผลออกฤทธิ์กับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย แต่ในกรณีที่ผิวหนังบาง ผอม อาจส่งผลให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดอักเสบได้
โดยส่วนใหญ่จะพิจารณาฉีดสเตยรอยด์ไม่เกิน 2 ครั้ง แต่ละครั้งระยะเวลาควรห่างจากกัน ซึ่งถ้าฉีดเกิน 2 ครั้งแล้วยังมีอาการอยู่ แสดงว่าความรุนแรงของภาวะโรคเกินกว่ายาที่ใช้รักษาแล้ว การฉีดต่อเนื่องจึงไม่จำเป็น เพราะไม่ส่งผลช่วยให้หายได้
การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบแบบผ่าตัด
เมื่อทำการรักษาตามขั้นตอนที่ผ่านมาแล้ว ยังมีอาการเจ็บปวดที่ ‘รบกวนชีวิตประจำวัน’ จะถึงเวลาต้องผ่าตัด ส่วนบางคนที่ยังมีอาการเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ได้ขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันก็อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งส่วนนี้เป็นการปรึกษาร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้เป็นกรณีไป
การผ่าตัดเป็นการคลายปอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณที่มีการเสียดสีกันออก จะทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นหลังผ่าตัด ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพราะเป็นผ่าตัดเล็ก แผลมีขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อหายจากอาการเจ็บแผลหลังผ่าตัด สามารถใช้งานมือด้านนั้นได้ตามปกติ
หากไม่อยากมีอาการเอ็นข้อมืออักเสบ มีแนวทางป้องกันอย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการใช้งานของข้อมือที่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ ทั้งการใช้งานหนัก ใช้งานซ้ำๆ ดังนั้นการป้องกันอาการเอ็นข้อมืออักเสบ ก็คือการใช้งานมือและข้อมืออย่างเหมาะสมไม่มากเกินไป
- สำหรับแม่บ้านที่ต้องทำงานบ้าน และใช้ข้อมือเป็นประจำ ลองปรับวิธีการใช้งาน เพื่อลดการใช้งานข้อมือ เช่น หลีกเลี่ยงการซักผ้า บิดผ้าด้วยมือ
- คุณแม่ที่ต้องอุ้มเด็กเป็นประจำ ควรปรับเปลี่ยนท่าทาง ด้วยการย่อตัวลงมาอุ้มช้อนตัวด้านก้นและหลัง เป็นการใช้ท่อนแขนผ่อนแรงในการอุ้ม เพื่อลดแรงที่กระทำต่อข้อมือ
- การทำงานที่ใช้โทรศัพท์เป็นประจำ ควรใช้ท่าทางที่เหมาะสม หรือใช้อุปกรณ์ช่วย
เอ็นข้อมือเป็นส่วนหนึ่งของข้อมือที่ช่วยในการเคลื่อนไหว หยิบจับของต่างๆ เมื่อใดที่เจ็บปวดจะกระทบกระเทือนต่อชีวิตประจำวันได้มาก ดังนั้น เมื่อเกิดอาการเจ็บปวดขึ้น จึงควรพบแพทย์เพื่อรักษาเนิ่นๆ
รักษาอาการเอ็นข้อมืออักเสบที่ kdms Hospital ดีอย่างไร
สำหรับการรักษาอาการเอ็นข้อมืออักเสบที่ kdms Hospital ผู้ป่วยจะได้พบกับศัลยแพทย์ชำนาญการด้านมือและข้อมือ ซึ่งจะวางแผนการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน การใช้ยารักษา กายภาพบำบัด หรือมีอาการที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าต้องทำการผ่าตัด ผู้ป่วยก็จะได้รับการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ฟื้นตัวไว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ดีดังเดิม
สรุป
อาการเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s tenosynovitis) คือภาวะปลอกหุ้มเส้นเอ็นข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มืออักเสบ เกิดจากการใช้งานข้อมือซ้ำๆ โดยอาการเด่นชัดจะเจ็บบริเวณข้อมือฝั่งนิ้วหัวแม่มือ อาจบวมและเจ็บมากขึ้นเมื่อหยิบจับสิ่งของ ควรไปพบแพทย์เมื่อพักแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือปวดรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาเบื้องต้นเน้นการพักใช้งาน ทานยาแก้อักเสบ และอาจฉีดยาสเตียรอยด์ หรือผ่าตัดหากอาการไม่ดีขึ้น
การพบแพทย์ชำนาญการด้านมือ ข้อมือ และแขนที่ kdms Hospital เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์ในการรักษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะรักษาได้ตรงจุด กลับไปใช้ชีวิตได้ดีดังเดิมแบบไร้กังวล
บทความโดย: รศ.นพ.ธนพงษ์ ไวทยะวิญญู ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านมือและข้อมือ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเอ็นข้อมืออักเสบ
การรักษาเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ จะแบ่งออกเป็นระยะขึ้นอยู่กับอาการของโรค เริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงหรือพักการใช้งานมือ ร่วมกับการกินยาลดการอักเสบ อาจพิจารณาใช้การรักษาด้วเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือกายภาพบำบัดควบคู่กันไป หากอาการยังไม่ดีขึ้นจะพิจารณาการรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบ หรือการผ่าตัด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการใช้งานของข้อมือที่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ ทั้งการใช้งานหนัก ใช้งานซ้ำๆ ดังนั้นการป้องกันอาการเอ็นข้อมืออักเสบก็คือการใช้งานมือและข้อมืออย่างเหมาะสม
- สำหรับแม่บ้านที่ต้องทำงานบ้าน และใช้ข้อมือเป็นประจำ ลองปรับวิธีการใช้งาน เพื่อลดการใช้งานข้อมือ เช่น หลีกเลี่ยงการซักผ้า บิดผ้าด้วยมือ
- คุณแม่ที่ต้องอุ้มเด็กเป็นประจำ ควรปรับเปลี่ยนท่าทาง ด้วยการย่อตัวลงมาอุ้มช้อนตัวด้านก้นและหลัง เป็นการใช้ท่อนแขนผ่อนแรงในการอุ้ม เพื่อลดแรงที่กระทำต่อข้อมือ
- การทำงานที่ต้องใช้โทรศัพท์เป็นประจำ ควรใช้ท่าทางที่เหมาะสม หรือใช้อุปกรณ์ช่วย
ยาที่แพทย์มักจะแนะนำสำหรับรักษาโรคเอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain’s) จะแบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้
- ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
ช่วยลดอาการปวด บวม และอักเสบของเอ็นข้อมือ - ยาทาแก้อักเสบ หรือแผ่นแปะลดอาการปวด
ยาทาที่มีส่วนผสมของ diclofenac gel หรือแผ่นแปะบรรเทาปวด (pain relief patch)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง ใช้ง่ายและช่วยลดการอักเสบเฉพาะจุด - ยาแก้ปวดชนิดรับประทาน
พาราเซตามอล (Paracetamol)
ใช้บรรเทาอาการปวดชั่วคราวในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยา NSAIDs ได้ เช่น ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะหรือโรคไต - ยาฉีดสเตียรอยด์เฉพาะจุด (ในกรณีอักเสบรุนแรง)
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหลังใช้ยาและพักข้อมือ แพทย์อาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์ เข้าไปบริเวณเยื่อหุ้มเอ็น
ช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าอาการไม่รุนแรงและพักข้อมืออย่างถูกวิธี มักใช้เวลาประมาณ 2–4 สัปดาห์ก็จะดีขึ้น แต่ในรายที่อักเสบมากหรือเรื้อรัง อาจต้องใช้เวลารักษา 4–8 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการพัก การกินยา และการรักษาอื่นร่วมด้วย
ช่วงที่อาการยังอักเสบอยู่ไม่ควรนวด เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้เส้นเอ็นบวมและปวดมากขึ้น ควรพักข้อมือ ประคบเย็น และหลีกเลี่ยงการใช้งานซ้ำๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น เมื่ออักเสบลดลงแล้ว ค่อยทำกายภาพหรือยืดข้อมือเบาๆ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
สำหรับอาการเอ็นข้อมืออักเสบหากอาการยังไม่รุนแรงมากมีโอกาสหายเองได้ ถ้าพักข้อมือ รวมถึงการงดใช้งานซ้ำ ๆ และประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบ แต่ถ้าอาการปวด บวม หรือขยับข้อมือไม่ได้เกิน 1–2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์ เพราะอาจต้องใช้ยา กายภาพ การฉีดยา หรือการผ่าตัดในการรักษาเพื่อให้หายสนิทและไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
ปรึกษาอาการก่อนนัดพบแพทย์