เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ อาการเจ็บฝ่าเท้าบอกโรคได้ มีวิธีรักษาอย่างไร?

เจ็บฝ่าเท้า

Key takeaway

  • โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบคือความเจ็บฝ่าเท้าและปวดส้นเท้า มักเกิดขึ้นเมื่อเดินก้าวแรกหลังตื่นนอน การออกกำลังกายหรือยืนนานๆ หากอาการรุนแรงขึ้น จะรู้สึกจ็บฝ่าเท้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
  • สาเหตุที่ทำให้เกิด เช่น การยืนหรือเดินเป็นเวลานาน การออกกำลังกายที่ใช้แรงกดที่ฝ่าเท้าและส้นเท้าหนัก และการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม
  • การรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เช่น ประคบร้อนหรือเย็น ใช้ยา อัลตราซาวนด์ คลื่นความถี่ (Shock Wave) และการทำกายภาพบำบัด
  • การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิด เช่น เลือกรองเท้าที่รองรับเท้า ไม่เดินเท้าเปล่าบ่อย ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม เลี่ยงการออกกำลังหรือเล่นกีฬาที่มีแรงกดต่อฝ่าเท้าสูง
  • kdms มีบริการรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบอย่างตรงจุด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยตรวจสอบอาการก่อนเข้าพบแพทย์เพื่อการดูแลที่เหมาะสมมากที่สุด

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบเป็นอาการที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณฝ่าเท้าและส้นเท้า ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การรู้วิธีรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาซ้ำในอนาคต

Table of Contents

มารู้จักกับเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar Fasciitis) คือการอักเสบของพังผืดที่ฝ่าเท้า ซึ่งเป็นแผ่นเนื้อเยื่อที่เชื่อมจากส้นเท้าถึงนิ้วเท้า เป็นส่วนที่ช่วยรองรับแรงกระแทกจากการเดินหรือวิ่ง โดยอาการนี้ทำให้เกิดความเจ็บฝ่าเท้าได้ โดยมักจะเกิดตอนก้าวแรกหลังตื่นนอนหรือตอนที่นั่งเป็นเวลานาน

พฤติกรรมหรือกลุ่มคนที่มักมีความเสี่ยงต่อการเกิดเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ได้แก่

  • คนที่ยืนหรือเดินเป็นเวลานาน เช่น พนักงานต้อนรับ พนักงานขาย พยาบาล ฯลฯ
  • นักกีฬาที่ต้องใช้เท้าอย่างหนัก เช่น นักวิ่ง หรือนักกีฬาที่ต้องมีการกระโดดบ่อยๆ ฯลฯ
  • คนที่น้ำหนักเกิน จึงทำให้พังผืดรับแรงกดดันที่ฝ่าเท้าเยอะ

อาการของเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

อาการของเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

อาการเจ็บบริเวณฝ่าเท้าที่สามารถบ่งบอกถึงโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบได้คือการที่มีอาการปวดตึงที่เอ็นฝ่าเท้า และกดบริเวณส้นเท้าแล้วเจ็บ เจ็บแหลมๆ ชา หรือเจ็บแปล๊บๆ ตามเส้นประสาทต่างๆ ที่บริเวณเท้า โดยในช่วงแรกอาการปวดมักเกิดหลังจากการออกกำลังกาย การเดิน ไปจนถึงการยืนนานๆ แต่หากอาการรุนแรงขึ้น จะรู้สึกได้ถึงอาการปวดส้นเท้าอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือเมื่อลุกขึ้นเดินได้สัก 2-3 ก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักเป็นเวลานาน จะรู้สึกเจ็บส้นเท้า เนื่องจากเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบถูกกระชากอย่างรุนแรงในทันที แต่เมื่อเดินไปสักระยะเอ็นฝ่าเท้าจะค่อยๆ ยืดหยุ่นขึ้น ทำให้อาการทุเลาลง

สาเหตุที่ทำให้เกิดเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

อาการของเอ็นฝ่าเท้าอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของเท้า ดังนี้

  • โรครองช้ำ หรือจุดเกาะเอ็นใต้ฝ่าเท้าอักเสบ
  • การยืน หรือเดินเป็นเวลานาน
  • การออกกำลังกายที่ใช้ฝ่าเท้าและส้นเท้าหนัก เช่น การวิ่งหักโหม ฯลฯ
  • ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น รองเท้าแน่นหรือหลวมเกินไป ฯลฯ 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิธีเลือกรองเท้าเพื่อสุขภาพให้เหมาะสม แก้ปัญหาปวดเท้า โรครองช้ำ

ปัจจัยเสี่ยงจะเป็นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงจะเป็นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

หลายคนสามารถเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบได้ แต่บางคนก็มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสเกิดมากกว่าปกติได้ ซึ่งปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันต่อเอ็นฝ่าเท้า มีดังนี้

  • คนที่อุ้งเท้าสูง หรือแบนกว่าปกติ
  • ภาวะและโรคต่างๆ เช่น เอ็นร้อยหวายตึง โรคข้ออักเสบเรื้อรัง หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเบาหวาน (มีการเสื่อมสภาพของเส้นประสาทขนาดเล็กที่ฝ่าเท้า เมื่อเจ็บที่เท้ายังใช้เท้าจนเกิดแผล หรือข้อกระดูกผิดรูป)
  • ผู้ที่อายุ 40-60 ปี เพราะพังผืดที่ฝ่าเท้ายืดหยุ่นน้อยลง
  • ผู้หญิงมักจะเป็นได้มากกว่าผู้ชาย เพราะมีไขมันที่ส้นเท้าบาง รวมถึงเอ็น กล้ามเนื้อน่อง และฝ่าเท้าไม่แข็งแรงเท่าผู้ชาย
  • การใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย
  • การวิ่งลงน้ำหนักที่ส้นเท้ามากไป มักพบในนักวิ่งที่วิ่งก้าวยาว 
  • การวิ่งบนพื้นที่แข็งเกินไป หรือใส่รองเท้าที่พื้นแข็ง พื้นบาง จึงรับแรงกระแทกได้ไม่ดี

การตรวจวินิจฉัยเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

การตรวจวินิจฉัยเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

การตรวจวินิจฉัย และการทดสอบเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ สามารถทำได้ดังนี้

การยืดเหยียดพังผืดใต้ฝ่าเท้า (Windlass Test) 

การตรวจวินิจฉัยเอ็นฝ่าเท้าอักเสบจะทดสอบการยืดเหยียดพังผืดใต้ฝ่าเท้า (Windlass Test) ให้คนไข้ยืนบนแท่นเหยียบ โดยปลายนิ้วเท้าต้องยื่นออกมาด้านหน้า จากนั้นให้คนไข้ยกนิ้วเท้าขึ้น ถ้าคนไข้รู้สึกเจ็บที่พังผืดใต้ฝ่าเท้า ถือว่าผลการทดสอบเป็นบวก ซึ่งแสดงว่าเอ็นบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ

การกดจุดเจ็บ

การตรวจหากพบจุดกดเจ็บ ตั้งแต่บริเวณเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้า ไขมันใต้ส้นเท้า พังผืดใต้ฝ่าเท้า แล้วเกิดอาการเจ็บแปล๊บทันที แสดงว่าเอ็นบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียงหรือกระดูกร้าวได้ 

กรณีที่มีการเจ็บที่บริเวณฝ่าเท้าส่วนหน้า มักมาจากโรคต่างๆ เช่น เส้นเอ็นใต้ข้อนิ้วเท้าอักเสบหรือฉีกขาด เส้นประสาทที่ระหว่างง่ามนิ้วบวมหรือมีลักษณะกระดูกผิดปกติที่บริเวณดังกล่าว จะมีการตรวจร่างกายเพิ่มเติมควบคู่กับการวินิจฉัย

การตรวจด้วยภาพ X-ray

เมื่อมีการสงสัยความผิดปกติของอวัยวะ จะเริ่มการตรวจด้วยภาพ X-ray เพื่อดูลักษณะโครงสร้างความผิดปกติของเท้าคนไข้แต่ละคน เช่น เท้าแบน อุ้งเท้าโก่ง กระดูกที่ผิดปกติ กระดูกงอก เป็นต้น 

หากการตรวจด้วย X-ray ยังมีข้อสงสัย อาจทำการอัลตราซาวนด์ CT Scan หรือ MRI ร่วมด้วยได้ เพื่อให้เห็นการผิดปกติที่ชัดเจนขึ้น เช่น อัลตราซาวนด์เพื่อดูความหนาของเอ็นใต้ฝ่าเท้าที่อักเสบ รวมถึงก้อนนิ้วงอกระหว่างง่ามนิ้วเท้า MRI ให้เห็นความผิดปกติของชั้นเนื้อเยื่อด้านในกระดูก เป็นต้น

นัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษา และวินิจฉัยอาการได้ที่ 02-080-8999
Line @kdmshospital

https://lin.ee/PkZ8mk9

วิธีในการรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

การรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ และการวินิจฉัยของโรค โดยจะเน้นการพักผ่อนเพื่อให้เอ็นมีเวลาในการฟื้นตัว ซึ่งผู้ป่วยควรอดทน พร้อมกับดูแลตัวเอง เพื่อช่วยลดอาการ และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยการประคบร้อนหรือเย็น

การรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบด้วยการประคบร้อน โดยใช้แผ่นร้อนหรือผ้าชุบน้ำร้อน ประคบบริเวณที่มีอาการเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและคลายกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกสบายขึ้น ส่วนการประคบเย็นทำได้โดยใช้น้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่มีอาการเพื่อลดอาการบวมและอักเสบ โดยเฉพาะในหลังจากเกิดอุบัติเหตุ มีการกระทบกระแทก เป็นการดูแลเบื้องต้นภายใน 48-72 ชั่วโมงแรก และยกขาสูง งดการเดินหรือกิจกรรมที่อาจทำให้เจ็บเพิ่มขึ้น สามารถทานยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดร่วมได้

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยใช้ยา

ยาที่ใช้รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ มี 2 ประเภทคือ ยากินซึ่งเป็นยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ อีกประเภทคือยาฉีด เป็นสเตียรอยด์ที่ใช้ฉีดในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น ซึ่งอาจฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีอาการเพื่อช่วยลดการอักเสบ และบรรเทาอาการเจ็บปวด จำกัดการฉีดเพียง 2-3 ครั้ง

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยใช้ความร้อนแบบอัลตราซาวนด์

วิธีใช้ความร้อนแบบอัลตราซาวนด์เพื่อรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบคือการใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงไปยังบริเวณที่มีปัญหา เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและคลายกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บและลดการอักเสบของเอ็นฝ่าเท้า

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยคลื่นความถี่ (Shock Wave)

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยคลื่นความถี่ (Shock Wave)

คลื่นความถี่ (Shock Wave) คือการใช้คลื่นความถี่กระแทกไปที่ฝ่าเท้าเพื่อกระตุ้นเอ็นพังผืดฝ่าเท้าที่อักเสบอยู่ให้เกิดการซ่อมแซม โดยกระตุ้นให้มีเส้นเลือดมาเลี้ยง เพื่อช่วยในการฟื้นตัวและบรรเทาอาการเจ็บ เป็นวิธีที่ผลลัพธ์จากการรักษาใกล้เคียงกับการผ่าตัด

รักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบโดยกายภาพบำบัด

การกายภาพบำบัดช่วยรักษาเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ สามารถทำได้โดยการยืดกล้ามเนื้อน่อง และเอ็นฝ่าเท้า โดยควรทำการยืดนาน 10 วินาที ทำซ้ำประมาณ 10 ครั้ง ควรทำก่อนลุกขึ้นเดินหลังตื่นนอน และหลายครั้งต่อวัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

เปลี่ยนพฤติกรรมก่อนเกิดเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

คนที่ไม่เคยเกิดอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ส่วนคนที่เคยมีอาการมาก่อน เป็นๆ หายๆ ควรปรับพฤติกรรมเพื่อให้สามารถช่วยป้องกันอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบได้ โดยสามารถหลีกเลี่ยงการกระทำ และปรับพฤติกรรมได้จากสาเหตุหรือความเสี่ยงที่เคยเป็นได้ ดังนี้

ใส่รองเท้าให้เหมาะสม

รองเท้าที่ใส่ ควรเป็นรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับความยาว และความกว้างของเท้า ควรเลือกวัสดุที่สวมใส่สบาย มีส่วนโค้งรองรับอุ้งเท้าเหมาะสมกับเท้า และพื้นรองเท้าควรมีความหนาให้เหมาะสมกับกิจกรรม หากใช้เดินทั่วไปในอาคาร จำนวนก้าวไม่เยอะมาก ก็ไม่จำเป็นต้องใส่รองเท้าที่พื้นหนานุ่มมาก แต่ถ้าใช้งานกับการเดินหรือวิ่งเยอะ พื้นรองเท้าต้องสามารถรองรับแรงกระแทกขณะเดินหรือออกกำลังกายได้ดี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ และควรหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่สึกหรอ

ไม่ควรเดินเท้าเปล่าบ่อย

การป้องกันไม่ให้เกิดเอ็นฝ่าเท้าอักเสบคือควรหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าทั้งในบ้านและนอกบ้าน เพื่อช่วยลดแรงกระแทก และการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับฝ่าเท้า เพราะการสวมรองเท้าที่มีการรองรับที่ดีจะช่วยให้ความสบาย และป้องกันการเกิดอาการเจ็บได้ดีขึ้น​

คุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

น้ำหนักของร่างกายในเกณฑ์ที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงในการเพิ่มแรงกดต่อพังผืดใต้ฝ่าเท้า ควรควบคุมน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหาร และเลือกออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ไม่กระแทก เช่น การเดิน การใช้เครื่องเดินวงรี (Elliptical) การว่ายน้ำ และการปั่นจักรยาน เพื่อรักษาสุขภาพฝ่าเท้า และลดความเสี่ยงของอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ

เลือกออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา

กีฬาหรือการออกกำลังกายสามารถปรับได้โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีแรงกดต่อฝ่าเท้าสูง เช่น การวิ่งเร็ว การเต้นที่มีการขยับเท้าเร็ว การเล่นเทนนิส แบดมินตัน บาสเกตบอล และฟุตบอล เพื่อป้องกันอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบและรักษาสุขภาพเท้าให้อยู่ในสภาพดี

ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

คนที่ยืนหรือเดินนานๆ หรือมีปัญหาเส้นเอ็นร้อยหวายตึงมากกว่าปกติ ควรปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน โดยหาเวลาเพื่อพักบ่อยๆ เช่น เดินไปรอบๆ หรือเปลี่ยนท่าทาง และควรฝึกยืดเส้นเอ็นร้อยหวายเป็นประจำ เพื่อช่วยลดอาการตึงและทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

 

สรุป

เอ็นฝ่าเท้าอักเสบทำให้เจ็บส้นเท้า โดยเฉพาะตอนก้าวแรกในตอนเช้าหรือหลังนั่งนาน สาเหตุเกิดจาก เช่น น้ำหนักตัวมากเกินไป รองเท้าที่ไม่เหมาะสม และการออกกำลังกายที่มีแรงกดสูง การรักษาทำได้โดยการใช้ยา ประคบร้อนหรือเย็น กายภาพบำบัด และคลื่นความถี่ (Shock Wave) การป้องกันทำได้โดยการควบคุมน้ำหนัก เลือกรองเท้าที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กดดันฝ่าเท้า 

หากมีอาการเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ควรรีบรักษา โดยที่ kdms มีบริการรักษาที่ตรงจุด โดยแพทย์มืออาชีพที่จะช่วยเช็กอาการก่อนเข้าพบแพทย์ ทำให้คุณได้รับการดูแลที่เหมาะสม ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากสาเหตุใด

นัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษา และวินิจฉัยอาการได้ที่ 02-080-8999
Line @kdmshospital

https://lin.ee/PkZ8mk9

กรณีศึกษาที่น่าสนใจหรือประสบการณ์ของคุณหมอ

คนไข้คนหนึ่งที่ได้รับการรักษาที่ไม่เหมือนกับมาตรฐานจนเปลี่ยนวิถีชีวิตไปตลอดกาล คือเคสของผู้ชายอายุ ประมาณ 50 ปี ทำอาชีพเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน สามารถควบคุมอาการของโรคได้ปานกลาง น้ำตาลสะสมเกินเกณฑ์บ้างพอประมาณ ต้องยืนและเดินเยอะเพื่อสอนหนังสือ วันละ 8-10 ชั่วโมงทุกวัน 

 

โดยเคยไปรักษากับหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อเริ่มมีอาการเจ็บที่ใต้ฝ่าเท้า ได้รับการวินิจฉัยว่าอาการเจ็บนี้เกิดจากตาปลา หลังจากนั้นจึงได้รับการผ่าตัดนำตาปลา โดยมีการขูดเนื้อบริเวณทั้งหมดนั้นออกจนเป็นแผลเปิด 

 

คนไข้คนนี้มีลักษณะอุ้งเท้าโก่งอยู่แล้ว โดยมีตาปลาที่เป็นอยู่บริเวณใต้กระดูกฝ่าเท้าอันที่ 5 ซึ่งเป็นจุดรับน้ำหนักหลักๆ ของฝ่าเท้า ลักษณะฝ่าเท้าแบบนี้สามารถทำให้เกิดตาปลาได้ แต่ความจริงแล้วลักษณะอาการเจ็บคือเจ็บอยู่ที่บริเวณง่ามนิ้วขณะที่เดินลงน้ำหนัก ผลการวินิจฉัยจึงควรเป็นเส้นประสาทระหว่างง่ามที่นิ้วบวมขึ้น (เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเนื้องอก) 

 

ผลการวินิจฉัยจากครั้งแรกทำให้แผลจากการผ่าตัดตาปลาโหว่และไม่เคยปิดอีกเลย เกิดการอักเสบ ติดเชื้อเข้าไปที่ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกและเข้าไปที่กระดูก โดยหมอที่โรงพยาบาลแรกวางแผนไว้ว่าจะผ่าตัดกระดูกที่ติดเชื้อนี้ออก คนไข้คนนี้จึงตัดสินใจย้ายมาทำการรักษาที่ kdms เพราะการวินิจฉัยแรกนั้นผิดพลาดตั้งแต่ต้น แต่ตอนนี้มีการรักษาที่ถูกต้อง แผลจึงดีขึ้น โดยมีการเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษาแผล เช่น เจลกระตุ้นเนื้อเยื่อ ดมออกซิเจนความเข้มข้นสูง เป็นต้น 

บทความโดย นพ.ญาณธรัฐ ศรีพาณิชย์ ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านเท้าและข้อเท้า

ศุกร์, 18 ต.ค. 2024
แพทย์ที่เกี่ยวข้อง

แพ็กเกจและโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง
  อาการปวดที่รบกวนชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพกระดูกและข้อที่ต้องได้รับการดูแล อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่  ...
package เริ่มต้นที่ 1800* บาท
package สิ้นสุด 31/03/2025
บทความอื่นๆ
เจ็บฝ่าเท้า
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ อาการเจ็บฝ่าเท้าบอกโรคได้ มีวิธีรักษาอย่างไร?
วิธีเลือกรองเท้าเพื่อสุขภาพให้เหมาะสม แก้ปัญหาปวดเท้า โรครองช้ำ
วิธีเลือกรองเท้าเพื่อสุขภาพให้เหมาะสม แก้ปัญหาปวดเท้า โรครองช้ำ
รู้ไหม? เมื่อปวดส้นเท้า เราเสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง?
ข้อเท้าหักต้องรักษาอย่างไร ให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง
top line line