บาดเจ็บจากเล่นกีฬา รักษาอย่างตรงจุด กับแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์การกีฬา

อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา คือ อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างเล่นกีฬา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับการเล่นกีฬาทุกประเภท โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องมีการปะทะกันอย่างรุนแรง ยิ่งเพิ่มโอกาสที่นักกีฬาจะบาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล และรักบี้ ซึ่งเป็นประเภทกีฬาที่มักมีการปะทะรุนแรง แต่กีฬาที่ไม่มีการปะทะอย่าง วิ่ง หรือปั่นจักรยานก็สามารถเกิดการบาดเจ็บได้เช่น หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่นักกีฬาก็สามารถเกิดอาการนี้ได้ บทความนี้ ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา พร้อมด้วยสาเหตุ และวิธีป้องกันมาให้อ่านกัน
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบได้บ่อย
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ มีตั้งแต่การบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง จนไปถึงการบาดเจ็บที่รุนแรง อย่างกระดูกหัก สำหรับอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบได้บ่อย มีดังนี้
การบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Injuries)

อาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อนถือเป็นอาการที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการกระแทก หรือปะทะของนักกีฬา ทำให้เกิดอาการฟกช้ำบริเวณที่ได้รับการกระแทก สำหรับอาการหลักๆ ที่พบได้จากลักษณะภายนอก คือ มีรอยเขียว บวมช้ำ รวมถึง ยังมีอาการอื่นๆ เช่น อาการปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะในช่วง 3-5 วันแรก ที่ร่างกายจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอาจมีอาการปวดมาก
การอักเสบหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (Muscle and Tendon Injuries)

อีกหนึ่งการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่พบได้บ่อย คือ การอักเสบหรือฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นยึดกล้ามเนื้อ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมีอาการปวด บวม โดยอาจพบปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหวข้อต่อได้ลำบากร่วมด้วย หากเกิดในตำแหน่งของกล้ามเนื้อหรือเอ็นรอบข้อต่อนั้นๆ
ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บ (Joint and Ligament Injuries)
ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อบาดเจ็บเป็นการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่เกิดหลังการบาดเจ็บหรือปะทะที่ค่อนข้างรุนแรง หรือการบิดหมุนของข้อต่อ โดยเอ็นยึดข้อต่อเป็นเส้นเอ็นที่ให้ความมั่นคงภายในข้อต่อนั้นๆ หากเกิดอาการฉีกขาด จะทำให้มีการปวด บวม หรือมีข้อเคลื่อนหลุด
ใบบางรายอาจมีความรู้สึกหลวมบริเวณข้อต่อที่ได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหลุดซ้ำของข้อต่อได้ ทำให้เกิดความลำบากหรือมีข้อจำกัดในการใช้งานข้อต่อนั้นๆ
กระดูกหัก
กระดูกหักที่เกิดจากการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาจเกิดจากอุบัติเหตุทำให้เกิดการกระแทกหรือบิดที่รุนแรง หรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของกระดูกซ้ำๆ ด้วยแรงกระทำต่อกระดูก โดยกระดูกหักอาจพบได้ 3 รูปแบบ คือ
- กระดูกหักแบบเปิด (Open Fracture) เป็นรูปแบบของกระดูกหักที่กระดูกจะทิ่มชั้นผิวหนังออกมา ทำให้เกิดเป็นแผล ซึ่งรูปแบบการหักแบบนี้มีโอกาสสูงที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนตามมาได้สูง
- กระดูกหักแบบปิด (Closed Fracture) เป็นรูปแบบกระดูกหักที่จะไม่มีรอยแผล กระดูกไม่ทิ่มออกมานอกชั้นผิดหนัง จะพบอาการปวด บวม และจำกัดการเคลื่อนไหวของรยางค์ส่วนที่บาดเจ็บ
- กระดูกหักจากแรงกระทำซ้ำๆ (Stress Fracture) เกิดจากการที่กระดูกที่ได้รับบาดเจ็บนั้น โดนแรงกระทำแบบเดิมอย่างซ้ำๆ เช่น การรับแรงกระแทกอยู่เรื่อยๆ ทำให้กระดูกส่วนนั้นหนาตัวขึ้น เกิดรอยร้าวในกระดูกและสามารถหักได้ มักพบบริเวณกระดูกหน้าแข้ง (Tibia), กระดูกเท้า (Metatarsal Bone), กระดูกส้นเท้า (Calcaneus), กระดูกเชิงกราน (Pelvis) หรือคอสะโพก (Femoral Neck)
ส่องสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา

การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่อาการฟกช้ำ มีรอยเขียว และบวมแดง ซึ่งสามารถหายได้เองในเวลาสั้นๆ ไปจนถึงอาการกระดูกหักที่เรียกได้ว่าเป็นอาการที่มีความรุนแรง ในส่วนนี้จะชวนทุกคนมาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬากันว่ามีอะไรบ้าง
เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่น
สาเหตุแรกเกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการเล่นกีฬา อาจจะเป็นจังหวะที่เอี้ยวตัว หรือบิดตัวหลบฝั่งตรงข้าม ในกีฬาฟุตบอล หรือบาสเกตบอล ทำให้เกิดการบิดหมุนผิดปกติของข้อต่อ หรือเกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อและเอ็น นอกจากนี้ ยังสามารถเกิดขึ้นจากการปะทะกันจนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บขึ้น
มีการใช้งาน หรือการบาดเจ็บเล็กน้อยของส่วนเดิมซ้ำๆ
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา คือ มีการใช้งานกล้ามเนื้อส่วนเดิมซ้ำๆ โดยไม่ได้พัก สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดการอักเสบ และฉีกขาดได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อ หรือกระดูกเอง หากใช้งานบ่อยๆ ร่วมกับการบาดเจ็บซ้ำๆ ก็จะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ ดังตัวอย่างของกระดูกหักจากแรงกระทำซ้ำๆ (Stress Fracture) ที่ได้กล่าวไปข้างต้น
สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณควรพบแพทย์ด่วน!
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณอวัยวะได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น รวมถึงกระดูก อาการที่บ่งบอกว่าท่านควรปรึกษาแพทย์ ได้แก่
- มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ที่สงสัยว่าจะมีการอักเสบหรือติดเชื้อได้
- บาดเจ็บรุนแรง สงสัยกระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อต่างๆ
- เดินหรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก จำกัดการใช้งานในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งบ่งถึงความรุนแรงที่มากของอวัยวะที่บาดเจ็บนั้นๆ
- รู้สึกข้อติด ไม่สามารถเหยียด-งอข้อต่อได้อย่างเต็มที่
แนวทางการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
สำหรับการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาสามารถรักษาได้ทั้งการใช้ยา การทำกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัดในกรณีที่มีข้อบ่งชี้ ซึ่งรูปแบบการรักษาต่างๆ เหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยแพทย์จะทำการตรวจและประเมินอาการ หลังจากนั้นจะเลือกรูปแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยมากที่สุด ซึ่งแนวทางในการรักษา มีดังนี้
รักษาด้วยการไม่ผ่าตัด

สำหรับการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเบื้องต้นนั้น หากเป็นการบาดเจ็บที่ไม่รุนแรง จะแนะนำให้ใช้หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น RICE ซึ่งย่อมาจากคำภาษาอังกฤษ 4 คำดังนี้
- Rest เมื่อเกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือเกิดการบาดเจ็บเฉียบพลันระหว่างที่เล่นกีฬา ให้หยุด พักการใช้งานส่วนที่บาดเจ็บ โดยเฉพาะในช่วง 72 ชั่วโมงแรก
- Ice หลังจากพักแล้ว ให้เริ่มประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมและปวด ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก และสิ่งที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการประคบร้อนโดยเด็ดขาดในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้ปวดหรือบวมมากขึ้น
- Compression การใช้แรงกดในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการบีบนวดหรือกด แต่ให้ใช้ผ้าพัน หรือรัดตำแหน่งที่บาดเจ็บไว้เพื่อลดความบวม (Bandaging, Splinting)
- Elevation ยกรยางค์หรือส่วนของร่างกายที่เกิดการบาดเจ็บให้อยู่ในที่สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อเป็นการลดอาการบวม โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
สำหรับรูปแบบการรักษาที่ไม่ใช่การผ่าตัด แพทย์อาจให้ยาบรรเทาอาการปวด ควบคู่ไปกับยาคลายกล้ามเนื้อ บางครั้งอาจฉีดยา เพื่อลดอาการปวดเฉพาะจุด รวมทั้งอาจมีการยืด (stretching) กล้ามเนื้อบริเวณที่บาดเจ็บ หรือฝึกบริหารเพื่อสร้างกล้ามเนื้อร่วมด้วย
รักษาด้วยการผ่าตัด

การรักษาอาการบาดเจ็บจาการเล่นกีฬาด้วยการผ่าตัดขึ้นนั้นจะขึ้นอยู่กับว่า อาการบาดเจ็บมีความรุนแรงมากขนาดไหน หากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมีผลกับการใช้งาน ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว หรือเป็นการบาดเจ็บฉีกขาดของส่วนที่สำคัญและมีความรุนแรง อาจจำเป็นต้องอาศัยการรักษาด้วยการผ่าตัด เพื่อทำให้อาการนั้นดีขึ้น สำหรับการรักษาด้วยการผ่าตัดของการบาดเจ็บในแต่ละส่วนนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
เลือกใช้การป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาด้วยเวชศาสตร์การกีฬา

เวชศาสตร์การกีฬา เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน ส่งเสริม รักษา และฟื้นฟูร่างกายของนักกีฬาหรือผู้ที่เล่นกีฬา โดยการป้องกันการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อ รวมถึง ต้องมีการดูแลสภาพจิตใจให้พร้อม มีการนอนหลับที่เพียงพอ และมีสมาธิจดจ่ออยู่เสมอ ซึ่งทางโรงพยาบาล kdms มีศูนย์ความชำนาญด้านการให้การรักษาเกี่ยวกับการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาโดยเฉพาะ ที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันการบาดเจ็บได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกโปรแกรมได้ตามสัดส่วนที่ต้องการส่งเสริม สำหรับเวชศาสตร์การกีฬานั้นมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ดังนี้
- เพิ่มความแข็งแรงของสมรรถภาพร่างกาย
- ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการเล่นกีฬาได้
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเกิดขึ้นด้วยกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ อย่างแผลถลอก ฟกช้ำ ไปจนถึงการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น รวมไปถึง การบาดเจ็บที่ข้อต่อและกระดูก ซึ่งวิธีการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอาการของโรค ที่สำคัญอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาสามารถป้องกันได้ด้วยเวชศาสตร์การกีฬา ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ช่วยป้องกัน ส่งเสริม และรักษา ฟื้นฟู สภาพร่างกายของนักกีฬา รวมถึง ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายทั่วไป ก็สามารถปรึกษาได้ เพื่อทำให้เราสามารถเล่นกีฬาที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทความโดย : นพ.อดินันท์ อภิวัฒน์การุญ ศัลยแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การกีฬาและข้อไหล่