5 สัญญาณเตือนโรคไขสันหลังอักเสบ(Transverse Myelitis) รู้สาเหตุและวิธีรักษาก่อนสายเกินแก้

หน้าที่ของไขสันหลัง (spinal cord) เป็นศูนย์กลางการส่งสัญญาณประสาทระหว่างสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากเกิดความเสียหายขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย
สาเหตุของโรคไขสันหลังอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง และอุบัติเหตุรุนแรง อีกทั้งยังเกิดจากเนื้องอกหรือภาวะกดทับไขสันหลัง
พฤติกรรมเสี่ยงที่อาจให้เกิดโรค มาจากการที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเชื้อโรคปะปน รวมถึงการยู่ในท่าเดิมซ้ำๆ นานเกินไป แม้กระทั่งการพักผ่อนน้อย การไม่ป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และการรับวัคซีนหรือยาโดยไม่ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาเสียก่อน
5 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ
- ชาบริเวณแขนขา ถึงลำตัว
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดกลังร้าวไปถึงแขนและขา
- ควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้
- มีไข้
- การตรวจวินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบใช้วิธี MRI การเจาะไขสันหลัง รวมถึงการตรวจเลือด
รักษาโรคไขสันหลังอักเสบที่ kdms Hospital เพื่อการรักษาที่ตรงจุดจากทีมแพทย์ผู้ชำนาญด้านกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ และมีการใช้เทคโนโลยีในการรักษาร่วมด้วย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรักษาแบบองค์รวม มีการฟื้นฟู ติดตามอาการอย่างครบครัน

เรื่องของไขสันหลัง ต้องบอกเลยว่าเป็นส่วนสำคัญของระบบประสาทที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงสมองกับร่างกาย ฉะนั้นหากไขสันหลังอักเสบอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อร่างกาย เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียการเคลื่อนไหว หรือในกรณีร้ายแรงอาจถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ดังนั้น การสังเกตสัญญาณเตือนเบื้องต้นและรู้จักสาเหตุพร้อมแนวทางรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

Table of Contents

ไขสันหลัง ทำหน้าที่อะไร เหตุใดจึงสำคัญ

เรื่องของไขสันหลัง ส่วนใหญ่น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่ามีความสำคัญ แต่ทั้งนี้ก็จะมีความสงสัยต่อว่าแล้ว ไขสันหลัง ทำหน้าที่อะไร ไขสันหลังหรือ Spinal cord คือ เนื้อเยื่อประสาทยาวที่อยู่ภายในโพรงกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ส่งสัญญาณประสาทระหว่างสมองกับอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวและความรู้สึก

เมื่อพูดถึงหน้าที่ของระบบประสาท เพื่อความเข้าใจตรงกัน เรามาดูกันว่าระบบประสาทมีกี่ส่วน คำตอบก็คือสามารถแบ่งระบบประสาทออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่

1.ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System) ได้แก่ สมองและไขสันหลัง

2.ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Nervous System) คือเส้นประสาทที่แยกจากไขสันหลังไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

กล่าวโดยสรุปก็คือ ไขสันหลังทำหน้าที่เป็นเสมือนศูนย์กลางการส่งสัญญาณประสาทระหว่างสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากเกิดความเสียหายขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายอย่างแน่นอน

สาเหตุของโรคไขสันหลังอักเสบ

สำหรับโรคดังกล่าวนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากภายนอก อย่างการติดเชื้อต่างๆ หรือปัจจัยภายในร่างกายเอง เช่น ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งการรู้เท่าทันสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของเส้นประสาทไขสันหลัง ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ว่ามีดังต่อไปนี้

การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย เช่น ไวรัสเริม เชื้อวัณโรค หรือเชื้อรา
โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune diseases) เช่น โรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)
เกิดจากอุบัติเหตุรุนแรงที่กระทบกระดูกสันหลัง
เนื้องอกหรือภาวะกดทับไขสันหลัง ที่ส่งผลต่อการทำงานของเส้นประสาท

พฤติกรรมเสี่ยงทำให้เกิดโรคไขสันหลังอักเสบ

เรื่องของกระดูกสันหลังในชีวิตประจำวันก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยงหรือกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบของเส้น ประสาทไขสันหลัง ดังเช่นพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเชื้อโรคปะปน

การที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่สะอาดมากเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่สามารถลุกลาม ไปยังไขสันหลังได้

2. การอยู่ในท่าทางเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานาน

พฤติกรรมที่ว่านี้ เช่น การนั่งหลังค่อมหรือยืนผิดท่าบ่อยๆ อาจทำให้กระดูกสันหลังและเนื้อเยื่อรอบ ๆ เกิดการอักเสบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของไขสันหลัง

3. ไม่ป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์

สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หรือไวรัส HSV อาจแพร่เข้าสู่ระบบประสาทและกระทบต่อไขสันหลังได้ในระยะลุกลาม

4. การรับวัคซีนหรือยาบางชนิดโดยไม่ตรวจสอบประวัติแพ้ยา

ต้องบอกว่าในส่วนนี้ ภูมิคุ้มกันของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉะนั้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อวัคซีนอาจทำให้เกิดการอักเสบที่ไขสันหลังในภายหลังได้ในบางคน

5.พักผ่อนน้อยและมีความเครียดสะสม

อีกหนึ่งพฤติกรรมที่มองข้ามไม่ได้เลยนั่นก็คือ ความเครียดเรื้อรังอาจกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จนส่งผลต่อเนื้อเยื่อประสาทในไขสันหลังได้

การรู้สาเหตุถือเป็นการตรวจสอบตัวเองเบื้องต้น ว่าอาการปวดหลังที่เป็นอยู่เข้าข่ายจะเป็นโรคไขสันหลังอักเสบหรือไม่ เพราะถ้าใช่จะได้พบแพทย์ได้ทันเวลา

5 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าอาจเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ

หากยังไม่มั่นใจว่าอาการปวดหลังที่เป็นอยู่ตอนนี้ เข้าใกล้โรคไขสันหลังอักเสบแล้วหรือยัง ลองเช็คดูจาก 5 อาการที่เป็นสัญญาณว่าควรพบแพทย์ดังต่อไปนี้

1. ชา บริเวณแขน ขา หรือช่วงล่างของลำตัว

รู้สึกชาบริเวณแขน ขา หรือช่วงล่างของลำตัว อีกทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต หรือมีเข็มเล็กๆ แทงที่ผิวหนัง

2. กล้ามเนื้ออ่อนแรง

เกิดอาการกล้ามเนื้อแขนหรือขาไม่มีแรง เดินเซ ลุกจากที่นั่งลำบาก

3. ปวดหลังร้าวไปยังแขนและขา

มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณแนวกระดูกสันหลัง อาการปวดอาจแผ่ร้าวไปยังแขนหรือขา

4. ควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้

เกิดอาการกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ เป็นสัญญาณอันตรายของการกดทับเส้นประสาท

5. มีไข้

หากมีไข้ร่วมด้วย อาจเป็นอาการของการติดเชื้อที่เข้าสู่ไขสันหลัง

ฉะนั้นหากเช็คแล้วมีแนวโน้มว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าว ควรให้แพทย์วินิจฉัยเพื่อรักษาได้อย่างตรงจุด

การตรวจวินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบ

สำหรับการตรวจว่าเป็นโรคไขสันหลังอักเสบหรือไม่ แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัย ดังต่อไปนี้

1. MRI

สำหรับการทำ MRI เป็นวิธีหลักในการวินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบ เพราะสามารถแสดงให้เห็นถึงการอักเสบของไขสันหลัง และบริเวณที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน รวมถึงสามารถแยกโรคที่มีอาการใกล้เคียงกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอก หรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท

2. การเจาะไขสันหลัง

วิธีการนี้แพทย์จะทำการเจาะเก็บตัวอย่างน้ำไขสันหลังจากบริเวณหลังส่วนล่าง เพื่อนำไปตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อ การอักเสบ หรือการทำงานผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ซึ่งข้อมูลจากการตรวจนี้จะช่วยยืนยันการวินิจฉัยได้แม่นยำยิ่งขึ้นนั่นเอง

3. การตรวจเลือด

ใช้การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาการติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือสัญญาณของโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติที่อาจเป็นสาเหตุของโรคไขสันหลังอักเสบได้

เรื่องของไขสันหลัง ถ้าถูกทำลายแล้วจะทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่บริเวณเอวลงไป ฉะนั้นการตรวจวินิจฉัยอย่างแม่นยำตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยให้แพทย์สามารถเริ่มต้นการรักษาได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของเส้นประสาทไขสันหลัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แนวทางการรักษา

หากรู้ว่าป่วยเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ แพทย์จะมีแนวทางในการรักษาดังต่อไปนี้

ใช้ยาต้านการอักเสบ เช่น corticosteroids
ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส (กรณีติดเชื้อ)
กายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
การผ่าตัด (ในกรณีที่มีอาการรุนแรง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)

รักษาโรคไขสันหลังอักเสบที่ kdms ดีอย่างไร

หากมีอาการปวดหลังค่อนข้างรุนแรง และปวดเป็นระยะเวลานาน จำเป็นจะต้องพบแพทย์เป็นการด่วน เพราะไขสันหลังคือส่วนสำคัญของร่างกาย ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะจะมีการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แม่นยำ นำไปสู่แผนการรักษาที่ตอบโจทย์คนไข้แต่ละบุคคล

ดังนั้นการเข้ารับการรักษาโรคไขสันหลังอักเสบที่ kdms Hospital จะช่วยสร้างความมั่นใจ และความอุ่นใจให้กับคนไข้รวมถึงญาติที่คอยดูแลคนไข้ได้ เพราะทุกๆ ขั้นตอนตั้งแต่การวินิจฉัยตลอดจนการติดตามผลการรักษา รวมถึงการฟื้นฟูหลังการรักษา จะดูแลโดยแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อโดยตรง

สรุป

โรคไขสันหลังอักเสบ คือภาวะอักเสบของไขสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งสัญญาณของระบบประสาท หากปล่อยไว้อาจเสี่ยงอัมพาตถาวรตั้งแต่เอวลงไป ซึ่งสัญญาณเตือนที่ควรระวัง ได้แก่ ปวดหลังอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการแขนขาชา เดินลำบาก และควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ สาเหตุเกิดได้จากการติดเชื้อหรือระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ พฤติกรรมเสี่ยง เช่น นั่งผิดท่า เครียด พักผ่อนไม่พอ ควรตรวจ MRI และเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อวินิจฉัย ที่สำคัญคือ หากรู้เท่าทันและรักษาเร็ว ก็จะช่วยให้การฟื้นตัวของเส้นประสาทไขสันหลังมีโอกาสดีขึ้นอย่างมาก